แนวโน้ม เงินเดือนขั้นต่ำ 2566 จะเป็นยังไง ?

Posted by nor-arfah on November 22, 2022

เงินเดือน ก็เหมือนเงินทอน ประโยคนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงของใครหลายคน ที่เจอภาวะได้เงินเดือนมาปุ๊บ ก็ต้องเอาไปจ่ายหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต สารพัดหนี้ แว๊บเดียวก็เหลือแค่เงินทอนให้ใช้ และด้วยสถานการณ์แบบนี้ใคร ๆ ก็อยากภาวนาให้ปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป ได้ขึ้นเงินเดือนกันทั้งนั้น วันนี้พี่ทุยก็เลยอยากชวนทุกคนมาซูมดูกันหน่อยว่าปี 2022 การขึ้นเงินเดือนทั่วโลกเป็นยังไงบ้าง แล้ว เงินเดือนขั้นต่ำ ปี 2023 ล่ะ มีอนาคตดี ๆ รออยู่บ้างมั้ย

แนวโน้ม เงินเดือนขั้นต่ำ 2566

ECA International ผู้ให้บริการด้านข้อมูล ซอฟต์แวร์ และเชี่ยวชาญด้านการจัดการและการมอบหมายงานพนักงานทั่วโลก เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับรายงานแนวโน้มเงินเดือน หรือ Salary Trends Report ที่จัดทำขึ้นมา โดยสำรวจจากประเทศและเมืองรวม 68 แห่งทั่วโลก

ชี้ให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของเงินเดือนที่แท้จริงปี 2022 และ ปี 2023 ซึ่งมาจาก “การเติบโตของค่าจ้าง – เงินเฟ้อ” ผลปรากฎว่า ปี 2022 ทุกภูมิภาค มีอัตราการเติบโตของเงินเดือนที่แท้จริงติดลบ ยกเว้นเอเชียแปซิฟิก ยังบวกเล็กน้อย 0.3% (ที่มา : ECA International)

สรุปภาพรวมแนวโน้มเงินเดือนทั่วโลกปี 2022 และปี 2023

  • เงินเดือนเฉลี่ยทั่วโลก +4% ในปี 2022 และ +5% ในปี 2023
  • แม้เงินเดือนเฉลี่ยทั่วโลกจะสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ 78% ของประเทศหรือเมืองที่เข้าร่วมสำรวจ เจอภาวะเงินเดือนที่แท้จริงลดลง มีแค่ 22% ที่เงินเดือนที่แท้จริงยังเพิ่มขึ้น
  • มี 37% ของประเทศหรือเมืองที่สำรวจ ที่ปี 2023 เงินเดือนที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้น
  • เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคเดียวที่เงินเดือนที่แท้จริงปี 2022 +0.3% ส่วนปี 2023 +1.3% แต่ภูมิภาคอื่นเงินเดือนที่แท้จริงติดลบทั้งหมด
  • อินเดียเป็นประเทศที่เงินเดือนที่แท้จริง ปี 2023 โตสูงสุด +4.6% ตามด้วยเวียดนาม +4% และจีน +3.8%
  • ไม่มีประเทศไหนเลยในยุโรปที่เงินเดือนที่แท้จริงเพิ่มขึ้นในปี 2023 ถึงแม้ว่าสถานการณ์โลกจะดีขึ้น ทั้งอัตราการขึ้นเงินเดือนที่สูงขึ้น และเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง

เมื่อลองโฟกัสที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างเดียวที่อัตราเงินเดือนที่แท้จริงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

สรุปการขึ้น เงินเดือนขั้นต่ำ ในเอเชียแปซิฟิก

  • 8 ใน 10 ประเทศที่มีอัตราเงินเดือนที่แท้จริงเติบโตสูงสุดในปี 2022 มาจากเอเชียแปซิฟิก
  • มีแค่อินโดนีเซีย บังคลาเทศ และปากีสถาน เท่านั้น ที่คาดว่าเงินเดือนที่แท้จริงปี 2023 จะเติบโตน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2022
  • ศรีลังกา ที่กำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ เงินเฟ้อสูง กระทบกับคนทำงานในประเทศนี้ มีอัตราเงินเดือนปี 2022 +7.5% สูงอันดับ 4 ในภูมิภาค แต่พอหักลบด้วยเงินเฟ้อ ก็ทำให้ เงินเดือนที่แท้จริงปี 2022 -40.7% เมื่อเทียบกับปี 2021 ส่วนปี 2023 แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะลดลงบ้างและเงินเดือนจะเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าคนทำงานจะเห็นเงินเดือนที่แท้จริง -20.5%
  • คนทำงานในจีน อยู่ในกลุ่มที่อัตราเงินเดือนเติบโตสูง โดยปี 2022 +5.9% และปี 2023 +6.0% แต่ก็ไม่ได้สูงสุดในเอเชียแปซิฟิก
  • ไต้หวัน คาดว่าเงินเดือนจะ +4% ในปี 2023 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก +3.7% ในปี 2022 แต่พอเอาปัจจัยเงินเฟ้อเข้ามาดูด้วย พบว่า อัตราเงินเดือนที่แท้จริงปี 2023 +1.8% คิดเป็น 3 เท่าของปี 2022 ที่ +0.6%
  • ในเอเชียแปซิฟิก เวียดนาม มาเลเซีย และไทย มีอัตราเงินเดือนที่แท้จริงเติบโตสูงในปี 2023 เทียบกับปี 2022 เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังผ่านพ้นสถานการณ์โรคระบาด ส่วนเงินเฟ้อก็คาดว่าจะลดลง
  • ไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียแปซิฟิกที่อัตราเงินเดือนที่แท้จริงในปี 2022 ไม่เติบโต เพราะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่ปี 2023 คนทำงานจะได้ประโยชน์ทั้งจากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อที่ลดลง จึงทำให้เป็นประเทศอันดับ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เงินเดือนที่แท้จริงปี 2023 เพิ่มสูงสุด

หลายคน พอเห็นไทยติดอันดับ 10 ประเทศเอเชียแปซิฟิกที่แนวโน้มเงินเดือนที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นในปี 2023 ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดว่า หนึ่งในนั้นต้องเป็นตัวเองบ้างแหละ

แต่เอาจริง ๆ แล้ว พี่ทุยก็อยากบอกว่า เวลาปรับขึ้นเงินเดือน แต่ละอาชีพ แต่ละหน้าที่ก็ได้รับการอวยยศไม่เท่ากัน เพราะนอกจากจะใช้เรื่องเงินเฟ้อ และการเติบโตเศรษฐกิจมาคำนวณการปรับขึ้นเงินเดือนแล้ว ความหายากหาง่ายของทักษะในอาชีพนั้นก็มีส่วนเช่นกัน

ถ้าจัดอยู่ในกลุ่มทักษะเป็นที่ต้องการสูง แต่คนขาดแคลน เงินเดือนก็มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นมากกว่าชาวบ้าน หรือผลงานที่ทำไว้ ก็เกี่ยวเช่นกัน ถ้าเป็นคนที่ทำผลงานได้ดีในองค์กร ปีต่อไป โอกาสปรับขึ้นเงินเดือนก็อาจจะสูงกว่าคนที่ทำผลงานได้ในระดับทั่ว ๆ ไป

โลกจะเจอภาวะแข่งขันหาและรักษาคนเก่งสูงไปจนถึงปี 2024

พี่ทุยไปเจอข้อมูลจาก Adecco ผู้ให้บริการจัดหาคนทำงาน ที่วิเคราะห์เทรนด์ผู้สมัครและตลาดแรงงานล่าสุด ไตรมาส 3/2022 เอาไว้น่าสนใจดีว่า โลกเราจะยังอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานต่อไปจนถึงปี 2024

หลายองค์กรยังต้องเจอปัญหาตำแหน่งงานเปิดว่างนานแล้ว แต่ก็หาแรงงานที่มีทักษะและคุณสมบัติตรงความต้องการมาเติมไม่ได้เสียที ส่วนหนึ่งก็มาจากการระบาดของโควิด ทักษะของผู้สมัครไม่สัมพันธ์กับความต้องการในตลาด ปัญหาระบบการศึกษา และความต้องการของผู้สมัครที่เปลี่ยนไป

**ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงปี 2024 องค์กรทั่วโลกก็จะเจอโจทย์สำคัญคือ ภาวะการแข่งขันสูงในการสรรหาและรักษาคนเก่งเอาไว้ **

พอมาดูให้ใกล้ตัวขึ้น แค่ในเอเชียแปซิฟิก ก็พบว่า เราโชคดีที่ตลาดแรงงานได้รับผลกระทบน้อยกว่าทวีปอื่น เพราะการเติบโตของตลาดแรงงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมากนัก และด้วยภูมิศาสตร์อยู่ไกลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็เลยได้รับผลกระทบในประเด็นนี้น้อยกว่าทวีปอื่น ๆ ดังนั้นตลาดแรงงานปี 2022 นี้ ก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ตลาดก็จะเผชิญกับภาวะค่าแรงสูงขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก

คราวนี้ ดูเฉพาะที่ไทย ก็พบว่า ถึงตลาดแรงงานไทยจะฟื้นตัวแล้ว แต่ก็อยู่ในภาวะการแข่งขันสูงในการช่วงชิงผู้ที่มีความสามารถ หรือที่เรียกกันว่า Talent โดยสายงานเทคฯ และดิจิทัล เป็นสายงานที่ความต้องการสูงและผู้สมัครเปลี่ยนงานบ่อย ส่วนสายงานอื่นที่มีความต้องการอยู่ตลอด เช่น วิศวกร พนักงานขาย และฝ่ายทรัพยากรบุคคล

ถ้ามองในระดับอุตสาหกรรมที่มาแรง ทำให้ความต้องการแรงงานทักษะเฉพาะทางเพิ่มขึ้น ก็ต้องยกให้ อุตสาหกรรมพลังงาน ในกลุ่มพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน กลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) และธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยกลุ่มนี้ต้องการผู้สมัครที่มีทักษะเฉพาะด้านและประสบการณ์ตรงในธุรกิจเหล่านี้

แต่ถึงแม้จะมีมุมความต้องการแรงงานที่ร้อนแรง ก็มีอีกด้านที่น่าเศร้า เพราะมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เลยหลังโควิดซาไป ทำให้บางอุตสาหกรรมเริ่มเลิกจ้างคนจากผลกระทบเศรษฐกิจแล้ว เช่น บริษัทกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซี ที่ลดพนักงานและการจ้างงาน ชะลอการจ้างงานจากปัญหาราคาบิตคอยน์ดิ่งหนักในช่วงที่ผ่านมา และบริษัทสื่อที่ขาดทุนเพราะการแข่งขันสูง

สรุปอุตสาหกรรมในไทยที่ความต้องการแรงงานสูงและเลิกจ้างสูงปี 2022

Adecco ยังเผยว่า เทรนด์ที่องค์กรใช้ดึงดูดพนักงานเข้าใหม่ร่วมงาน รวมถึงรักษาพนักงานไว้กับองค์กร ยังเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์และการเติบโตในอาชีพ ขณะที่การทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือ work from anywhere ยังเป็นสิทธิประโยชน์สำคัญที่พนักงานมองหา เพราะนอกจากทำให้การใช้ชีวิตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ก็ยังช่วยลดค่าเดินทางได้ด้วย โดยเฉพาะช่วงราคาน้ำมันสูงขึ้น

โดยรวมแล้วสวัสดิการที่เป็นตัวเงินยังเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การสนับสนุนค่าเดินทางให้พนักงาน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และการมอบชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้พนักงาน ด้วยการสนับสนุนค่าอุปกรณ์ตรวจโควิดและค่าตรวจเชื้อโควิด เป็นต้น

ส่วนการทำให้พนักงานเห็นโอกาสเติบโตในหน้าที่ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ด้วยการเปิดโอกาสให้พนักงานพัฒนาทักษะตามเป้าหมายทางอาชีพ โดยที่เนื้องานก็ต้องเอื้อให้เกิดการพัฒนาทักษะที่มุ่งหมาย และมีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนให้เห็นในโครงสร้างองค์กร ว่าอนาคตจะมีโอกาสก้าวหน้าได้ยังไงบ้าง

ถ้าโครงสร้างองค์กรไม่เอื้ออำนวย ก็ควรปรับผลตอบแทนที่เหมาะสม ทดแทนการเลื่อนตำแหน่ง โดยพิจารณาจากผลงาน ความสามารถ มากกว่าเรื่องอายุงานและการปรับเงินเดือนตามโครงสร้างเดิมที่เคยใช้มา

ด้าน salaryexplorer รายงานว่า คนทำงานในไทย ได้เงินเดือนเฉลี่ยตั้งแต่ 24,500 – 433,000 บาทต่อเดือน โดยเงินเดือนเฉลี่ยนี้ รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ ที่บริษัทมอบให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย การเดินทาง หรือประโยชน์อื่น ๆ

เมื่อเทียบอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนหลังมีประสบการณ์ทำงานเพิ่มขึ้น จะพบว่า เมื่อทำงานมากกว่า 2 ปี จะได้เงินเดือน +32% และถ้าทำงาน 10 ปีขึ้นไปแล้ว จึงจะมีรายได้ที่สูงกว่าเมื่อวันเริ่มเข้าทำงานเท่าตัว โดยค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในช่วงที่มีประสบการณ์ทำงาน 5-10 ปี +36% รองลงมาคือ 2-5 ปี +32%

ถ้าดูในมุมการศึกษาว่ามีผลกับเงินเดือนยังไง ก็จะพบว่า ถ้าเป็นคนที่มีประสบการณ์เท่า ๆ กัน แต่ระดับการศึกษาต่างกัน ทำงานเดียวกัน คนที่จบการศึกษาในระดับประกาศนียบัตร หรืออนุปริญญา จะได้เงินมากกว่าคนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย 17%

ถ้าจบปริญญาตรี ก็จะได้มากกว่า จบประกาศนียบัตร หรืออนุปริญญา 24% จบปริญญาโท ได้มากกว่า ปริญญาตรี 29% และจบปริญญาเอก ได้มากกว่าปริญญาโท 23%

ดูในมุมเพศ ก็พบว่า อัตราค่าจ้างเฉลี่ยของทุกสายงานรวมกัน ถ้าเป็นผู้ชายจะอยู่ที่ 103,000 บาทต่อเดือน +11% เมื่อเทียบกับผู้หญิงจะอยู่ที่ 92,300 บาทต่อเดือน

ส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนของไทย ค่าเฉลี่ยจะปรับขึ้น 8% ในทุก 17 เดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลก ที่จะปรับขึ้น 3% ทุก 16 เดือน โดยปี 2021 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยสูงสุดคือ สถาบันการเงิน +8% พลังงาน +7% ไอที +6% สุขภาพ +5% ท่องเที่ยว +4% ก่อสร้าง +3% และการศึกษา +2%

โดยรวมแล้ว มนุษย์เงินเดือนก็สบายใจกันได้ว่าถ้าอยู่ถูกที่ ถูกทาง อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังโต เงินเดือนในปี 2023 ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินเฟ้ออยู่แน่นอน และโอกาสที่จะได้เงินเดือนเพิ่มสูงกว่าชาวบ้านก็จะมากขึ้นอีก เมื่ออยู่ในกลุ่มทักษะที่องค์กรต้องการ หรือถ้ายังไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มนี้ หากมีโอกาสก็ลองไปฝึกฝนเพิ่มทักษะที่ตลาดต้องการดู

ส่วนใครที่ยังเรียนอยู่และคิดว่าอนาคตคงจะต้องก้าวเข้ามาเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเอง ก็อาจจะต้องหาทางเลือกเรียนทักษะหรือสาขาที่คาดว่าในอนาคตจะมีความต้องการสูง แทนที่จะเลือกเรียนตามเพื่อน หรือคิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไร เรียนอันนี้แล้วกัน เพราะต้องยอมรับว่า การเลือกเรียน มีผลกับอนาคตของเราจริง ๆ

ข้อมูลจาก : moneybuffalo